หมอกหิมะ

ยํ หิมสฺส นครํ , ตเมว สุขสฺส โหติ.

          นวนิยายเรื่อง “หมอกหิมะ” ได้รับแรงบันดาลใจจากมหากาพย์                 กาเลวาลาซึ่งเป็นวรรณกรรมของสาธารณรัฐฟินแลนด์

          นวนิยายเรื่องนี้นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับความอาฆาตพยาบาท รวมถึงกิเลสตัณหาอันไม่จบสิ้นของปุถุชนผู้ยังอยู่ในห้วงวัฏสงสาร ซึ่งเป็นหมอกที่บดบังความสุขทั้งปวงและสร้างความทุกข์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด จึงต้องใช้หลักธรรมแก้ปัญหาประการต่าง ๆ

          อีกทั้งนวนิยายเรื่องนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองทางสังคมประการหนึ่ง คือการใช้สติปัญญาในทางที่ผิดโดยมุ่งเน้นผลประโยชน์ส่วนตนและสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่นนั้นเป็นภัยต่อมนุษยชาติรวมทั้งสิ่งมีชีวิตร่วมโลกอย่างร้ายแรง ดังนั้นปัญญาชนทั้งหลายพึงเจริญคุณธรรมควบคู่ไปกับศิลปวิทยาการทั้งปวงที่เป็นการศึกษาในคดีโลก

          นอกจากแนวคิดทางศีลธรรมที่ข้าพเจ้าได้นำเสนอด้วยเทศนาโวหารและคติเตือนใจประการต่าง ๆ แล้ว ข้าพเจ้ายังได้เสนอแนวคิดที่มิได้เหมือนผู้ใดมาก่อน เพราะนักประพันธ์หรือนักวิชาการทางวรรณคดีในอดีตมักตีความว่าหิมะนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี ยังความเดือดร้อนให้บังเกิดแก่สรรพชีวิตทั้งหลาย อีกทั้งฤดูหนาวเป็นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมาน จึงเปรียบเปรยหิมะเป็นสิ่งชั่วร้ายและอำนาจด้านมืดมาโดยตลอด แต่ข้าพเจ้ากลับมิได้มีมุมมองเช่นนั้น ข้าพเจ้ากลับมองว่าหิมะมีสีขาวบริสุทธิ์หาได้แปดเปื้อนด้วยสิ่งใดไม่จึงอาจกล่าวในฐานะสัญลักษณ์แห่งความดี เพราะสีขาวนั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งศีลธรรมและความดีงาม และในมุมมองเรื่องความเย็นสามารถกล่าวได้ว่าหิมะนี้เป็นสิ่งดับทุกข์อันมีต้นตอมาจากภัยแล้งเพราะเมื่อหิมะละลายก็จะกลายเป็นคุ้งน้ำที่สวยงาม อีกทั้งข้าพเจ้ายังได้ดัดแปลงหิมะให้กลายเป็นอัญมณีสีขาวที่มีค่าและบริสุทธิ์ไม่น้อยไปกว่าเพชรที่ถือว่าเป็นราชาแห่งอัญมณีทั้งปวงในสากลโลก

          อีกทั้งข้าพเจ้ายังได้กล่าวถึงแนวคิดสำคัญที่มีอิทธิพลต่อสังคมในสมัยปัจจุบันอย่างยิ่งคือแนวคิดสตรีนิยม โดยข้าพเจ้านั้นได้ยกให้ตัวละครฝ่ายสตรีให้มีบทบาทในฐานะนักปกครองและผู้นำของสังคม รวมทั้งในฐานะพระเจ้าหรือพระแม่แห่งจักรวาล เพื่อให้ประชาชนโยเฉพาะผู้อ่านได้ตระหนักถึงความสำคัญของสิทธิสตรีและความเท่าเทียมทางเพศมากยิ่งขึ้น

          แนวคิดอีกประการหนึ่งที่ปรากฏในนวนิยายเรื่องนี้อย่างชัดเจนคือแนวคิดการยกใหสัตว์มีบทบาททัดเทียมกับตัวละครที่เป็นมนุษย์เพื่อจะนำเสนอแนวคิดที่ว่าสัตว์นั้นก็มีชีวิตจิตใจเช่นเดียวกับมนุษย์ สามารถรู้สึกสุขและทุกข์เช่นเดียวกับมนุษย์ อีกทั้งยังกำหนดให้สัตว์ในนวนิยายเรื่องนี้สามารถสื่อสารกับมนุษย์ได้ในฐานะเทวทูตหรือผู้เตือนสติให้มมนุษย์ทั้งหลายพึงดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอยู่เสมอ

          ความสำเร็จของข้าพเจ้าในครั้งนี้มีผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จในอาชีพนักประพันธ์มากมายเกินที่จะนำมากล่าวทั้งหมดได้ ข้าพเจ้าจึงยกบุคคลสำคัญผู้มีคุณูปการต่อนวนิยายเรื่องนี้มาจำนวนหนึ่ง โดยจะกล่าวถึงบุคคลดังต่อไปนี้

          กราบอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย อันได้แก่ พระพุทธเจ้า, พระธรรม และพระสงฆ์ ที่เป็นแก้วอันประเสริฐอันค้ำจุนทุกภพภูมิให้อยู่ภายใต้ความสมดุล รวมถึงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก มีพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร, พระสยามเทวาธิราช, พระเสื้อเมือง, พระทรงเมือง, พระกำภูฉัตร และพระหลักเมือง เป็นต้น ที่ปัดเป่าเสนียดจัญไรและอำนวยความเป็นมงคลแก่มนุษย์ผู้ประพฤติตนอยู่ในศีลธรรม

          นมัสการพระเดชานุภาพของพระพิฆเนศที่ทรงขจัดอุปสรรคทั้งมวลให้หมดสิ้นไป

          นมัสการพระเดชานุภาพของพระแม่ปารวตี, พระศิวะ และเทพยาฟ้าดินทั้งปวงบนสวรรค์ชั้นฟ้าที่ทรงปราบปรามสิ่งชั่วร้ายทั้งปวงและทรงคุ้มครองผู้ประพฤติดี

          น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์นับตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ที่ได้พระราชทานความร่มเย็นเป็นสุขแก่ราษฎร

          กราบคารวะนักปราชญ์ด้านภาษาไทยมีพระยาอุปกิตศิลปสาร                          (นิ่ม กาญจนาชีวะ) เป็นต้น ที่ได้ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูลที่เป็นบรรทัดฐานทางไวยากรณ์ไทยไว้เป็นอย่างดี

          กราบคารวะรัตนกวีทุกท่าน มีพระสุนทรโวหาร (ภู่) เป็นต้น ที่ได้ประพันธ์วรรณคดีอันทรงคุณค่าเช่นพระอภัยมณี ซึ่งเป็นแบบอย่างแก่นักประพันธ์ในสมัยต่อมา โดยเฉพาะนักประพันธ์ประเภทจินตนิยาย

ขอขอบพระคุณคุณวอลต์ อีเลียส ดิสนีย์ ที่ได้สร้างสรรค์สื่อที่เป็นตัวอย่างเรื่องการนำวรรณกรรมอันทรงคุณค่ามาดัดแปลงสื่อที่บริบูรณ์ด้วยประโยชน์ทางสติปัญญาประเภทบันเทิงคดีแนวจินตนิยาย

          กราบขอบพระคุณอดีตอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่ได้จัดทำตำราและงานวิจัยอันทรงคุณค่าสำหรับค้นคว้าศึกษาด้วยตนเอง ดังนี้

          รองศาสตราจารย์ ดร.บุญเหลือ ใจมโน ผู้ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการประพันธ์บทร้อยกรองผ่านหนังสือ “การแต่งคำประพันธ์”

          รองศาสตราจารย์ ดร. ประเทือง ทินรัตน์ ผู้รวบรวมความรู้เรื่องหลักการแปลข้อมูลภาษาต่างประเทศผ่านหนังสือ “การแปลเชิงปฏิบัติ”

          รองศาสตราจารย์ ดร.วิภาวรรณ อยู่เย็น ผู้รวบรวมประเด็นสำคัญทางภาษาไทยเรื่องเสียงในภาษาไทยผ่านหนังสือ “เสียงและระบบเสียงในภาษาไทย”

          รองศาสตราจารย์ ดร.วิไลศักดิ์ กิ่งคำ ผู้รวบรวมประเด็นสำคัญทางภาษาไทยถิ่นผ่านหนังสือ “ภาษาไทยถิ่น”

          รองศาสตราจารย์ ดร. สมเกียรติ รักษ์มณี ผู้รวบรวมความรู้เรื่องหลักการเขียนร้อยแก้วผ่านหนังสือ “การแต่งนวนิยาย” และหลักอลังการศาสตร์ผ่านหนังสือ “ภาษาวรรณศิลป์”

          รองศาสตราจารย์ ดร.สรณัฐ ไตลังคะผู้รวบรวมความรู้เรื่องหลักการการสื่อสารในวรรณกรรมผ่านหนังสือ “ศาสตร์และศิลป์แห่งการเล่าเรื่อง”

          รองศาสตราจารย์ ดร.สิริวรรณ นันทจันทูล ผู้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเขียนเบื้องต้นผ่านหนังสือ “หลักและศิลปะการเขียน”

          รองศาสตราจารย์ ดร.เสาวณิต วิงวอน ผู้รวบรวมข้อมูลเรื่องคติชนวิทยาและวัฒนธรรมผ่านหนังสือ “คติชนวิทยา”

          ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธันวพร เสรีชัยกุล ผู้ล่วงลับที่ได้ศึกษาค้นคว้าและวิจัยเกี่ยวกับลักษณะสำคัญทางไวยากรณ์ไทย

          ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุรสิทธิ์ ไทยรัตน์ ที่ได้ศึกษาค้นคว้าและวิจัยข้อมูลทางโบราณคดีที่เกี่ยวข้องกับภาษาไทย

          อาจารย์ ดร.ธัญญธร เส้งเนตร ผู้ล่วงลับที่ได้ศึกษาค้นคว้าและวิจัยเกี่ยวกับภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร

          กราบขอบพระคุณคณาจารย์ภาควิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ได้ถ่ายทอดความรู้เรื่องการประพันธ์บันเทิงคดีประเภทนวนิยาย,การแต่งคำประพันธ์ร้อยกรอง และหลักอลังการศาสตร์ รวมทั้งความรู้ทางภาษาไทย ได้แก่ สัทศาสตร์ภาษาไทย, ไวยากรณ์ไทย, อรรถศาสตร์ภาษาไทย, ภาษาต่างประเทศในภาษาไทย, การแปล รวมถึงการสื่อสารด้วยภาษาไทยทั้ง ๔ ทักษะ ได้แก่ การฟัง, การพูด, การอ่าน และการเขียน

          กราบขอบพระคุณคณาจารย์ภาควิชาวรรณคดี คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ได้ถ่ายทอดความรู้เรื่องแนวทางการสร้างสรรค์วรรณกรรมตามขนบการประพันธ์ รวมถึงการใช้ศัพท์กวีอย่างถูกวิธี

          กราบขอบพระคุณคณาจารย์ภาควิชาปรัชญาและศาสนา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ได้ถ่ายทอดความรู้เรื่องหลักปรัชญา รวมทั้งคติธรรมในวัฒนธรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา

          กราบขอบพระคุณคณาจารย์ภาควิชานิเทศศาสตร์และ                      สารสนเทศศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ได้ถ่ายทอดความรู้เรื่องการจัดทำสื่อสิ่งพิมพ์ที่น่าสนใจตามหลักนิเทศศิลป์

          กราบขอบพระคุณคณาจารย์ภาควิชาดนตรี คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่ได้ถ่ายทอดความรู้เรื่องสุนทรียภาพและจังหวะของคำประพันธ์

          กราบขอบพระคุณคณาจารย์สาขาวิชาศิลปสัมพันธ์ ภาควิชา                        คหกรรมศาสตร์ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ได้ถ่ายทอดความรู้เรื่องหลักการสร้างสรรค์งานจิตรกรรมประกอบด้วยเทคนิคสีโปสเตอร์ รวมถึงหลักการจัดองค์ประกอบศิลป์ภายในภาพจิตรกรรมอย่างมีคุณภาพ

          กราบขอบพระคุณอาจารย์พิเศษ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ได้ถ่ายทอดความรู้เพิ่มเติมในแขนงต่าง ๆ สร้างความสมบูรณ์ทางสติปัญญาแก่ข้าพเจ้า

          กราบขอบพระคุณคณะครูจากโรงเรียนยอแซฟอุปถัมภ์ อู่ทองที่ได้ปูพื้นฐานความรู้ให้แก่ข้าพเจ้าในระดับปฐมวัยและระดับประถมศึกษา

          กราบขอบพระคุณคณะครูจากโรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัย จังหวัดสุพรรณบุรี ที่ได้ประสิทธิ์ประสาทความรู้ในรายวิชาต่าง ๆ ในระดับมัธยมศึกษา

          กราบขอบพระคุณอดีตครูโรงเรียนยอแซฟอุปถัมภ์ อู่ทอง และโรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัย จังหวัดสุพรรณบุรี ที่ได้ถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการแก่นักเรียนอย่างเต็มที่

          กราบขอบพระคุณคุณครูวรธน อนันตวงษ์จากสถาบันกวดวิชาภาษาไทยอาจารย์กอล์ฟที่ได้ถ่ายทอดความรู้เรื่องการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้อง

          กราบขอบพระคุณคุณครูวันนา มากมายจากสถาบันกวดวิชาบาลี                       ติวเตอร์ที่ได้ถ่ายทอดความรู้เรื่องบาลีไวยากกรณ์ขั้นต้น

          กราบขอบพระคุณคุณครูบัวอำไพ เลิศบังอร และคุณครูรุ่งทิวา รินทร์ศรีจากศูนย์ฝึกอาชีพสวนลุมพินี ที่ได้ถ่ายทอดความรู้เรื่องการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่งดงามโดยมุ่งเน้นการสร้างสรรค์งานจิตรกรรมเป็นสำคัญ

          กราบขอบพระคุณคุณครูสุพิศ พุ่มพันธุ์วงศ์ และคุณครูนารีวรรณ                  ธนสมบัติวิวันจากสถาบันกวดวิชาบ้านครูสุพิศที่ได้ปูพื้นฐานและเสริมทักษะทางวิชาการในระดับประถมศึกษา

          กราบขอบพระคุณคณะครูจากสถาบันพลังจิตตานุภาพ ที่ได้ถ่ายทอดความรู้เรื่องหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาที่เป็นประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต รวมถึงความรู้เรื่องการเจริญวิปัสสนาสมาธิอันเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

          ขอขอบพระคุณคุณเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๕๔ ที่ได้เป็นตัวอย่างเรื่องการสร้างสรรค์งานศิลปะประเภทจิตรกรรม

          ขอขอบพระคุณคุณชมัยภร บางคมบาง ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๕๗ ที่ได้เป็นตัวอย่างของนักประพันธ์และกวีที่น่ายกย่องด้วยสร้างสรรค์ผลงานวรรณกรรมที่มีคุณค่าทั้ง ๔ ด้าน ได้แก่ คุณค่าด้านเนื้อหา, คุณค่าด้านวรรณศิลป์, คุณค่าด้านสังคม และคุณค่าด้านการนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ตลอดจนกลวิธีการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์

          ขอขอบพระคุณคุณพีระสิทธิ์ คูห์ศรีวินิจ นักแปลจากสำนักพิมพ์ยิปซีที่ได้แปลมหากาพย์อันทรงคุณค่าแห่งสาธารณรัฐฟินแลนด์เรื่องกาเลวาลา อันเป็นต้นแบบของนวนิยายเรื่องนี้

          ขอขอบพระคุณผู้บริหารและพนักงานบริษัท บุ๊ค ไทม์ จำกัดทุกท่าน ที่ได้มอบประสบการณ์การทำงานอันทรงคุณค่าแก่ข้าพเจ้าสำหรับการเป็นนักประพันธ์ที่ดี

          ขอขอบพระคุณเจ้าหน้าที่สำนักงานราชบัณฑิตยสภา สำนักศิลปกรรมที่ได้ถ่ายทอดความรู้เรื่องภาษาและวรรณคดีไทย รวมถึงศิลปะประเภทจิตรกรรมอันเป็นประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์ผลงานนวนิยายเล่มนี้และผลงานในลำดับถัดไปของข้าพเจ้าอย่างยิ่ง

          ขอขอบพระคุณเจ้าหน้าที่สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากรทุกท่านที่ได้ชำระวรรณคดีและวรรณกรรมอันทรงคุณค่ามิให้สูญหายไปจากวงการการศึกษาไทย

          ขอขอบพระคุณเจ้าหน้าที่จากกลุ่มงานจิตรกรรม สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากรที่ได้สาธิตการสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมอันเป็นศิลปะที่ประชาชนควรหวงแหนและอนุรักษ์ไว้ให้คงอยู่สืบไป

          ขอขอบพระคุณบรรณารักษ์และเจ้าหน้าที่จากห้องสมุดทุกแห่งในราชอาณาจักรไทยที่ได้จัดหาหนังสือที่มีคุณภาพอันเป็นทรัพย์ทางปัญญาที่

          ขอขอบพระคุณสมาชิกในครอบครัว, ญาติพี่น้องร่วมวงศ์ตระกูล, กัลยาณมิตร, ผู้ใหญ่ที่เมตตาและเอ็นดูข้าพเจ้า รวมถึงประชาชนในอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรีที่ได้สนับสนุนการประพันธ์ของข้าพเจ้า

          ขอขอบพระคุณนักอ่านทุกท่านที่ได้สนใจและสนับสนุนผลงานของข้าพเจ้าด้วยดีเสมอมา อีกทั้งยังได้ให้คำแนะนำเรื่องการผลิตสื่อสิ่งพิมพ์

          ทั้งนี้ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่านวนิยายเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมทั้งในด้านการจรรโลงใจ และการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรม

เหมันต์อัมพร